รีวิว Concrete Utopia (2023) คอนกรีต ยูโทเปีย วิมานกลางนรก

Concrete Utopia วิมานกลางนรก ภาพยนตร์แนวภัยพิบัติเอาตัวรอดสัญชาติเกาหลีใต้ ผลงานการกำกับของ อึมแทฮวา ผู้กำกับจากภาพยนตร์เรื่อง Parasite (2019) ที่ได้เล่าเรื่องราวของแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่ถล่มเกาหลีใต้ ส่งผลให้อาคารและสิ่งก่อสร้างต่างๆ พังทลายลงมา เหลือเพียงอพาร์ทเม้นท์ขนาดใหญ่ คัมเบอร์แลนด์ เท่านั้นที่ยังคงยืนหยัดอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพัง ผู้คนนับพันจึงพากันหลบหนีมายังคัมเบอร์แลนด์เพื่อขอความช่วยเหลือ

ตัวหนังได้เริ่มต้นเล่าเรื่องราวด้วยการนำเสนอผ่านมุมมองของ มินซอก (รับบทโดย อีบยองฮอน) สถาปนิกผู้ออกแบบคัมเบอร์แลนด์ ที่เขาเป็นผู้รับผิดชอบในการอพยพผู้คนออกจากอาคาร และดูแลให้พวกเขาสามารถเอาชีวิตรอดในสถานการณ์เลวร้ายนี้ ซึ่งทำให้มินซอกต้องเผชิญกับความท้าทายมากมายในการอพยพผู้คนออกจากคัมเบอร์แลนด์ ไม่ว่าจะเป็นการขาดแคลนอาหารและน้ำดื่ม ปัญหาสุขอนามัย ความขัดแย้งระหว่างผู้คน และภัยคุกคามจากภายนอก

นอกจากเรื่องราวของมินซอกแล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังนำเสนอเรื่องราวของตัวละครอื่นๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ยูจิน (รับบทโดย พัคซอจุน) เจ้าหน้าที่ตำรวจที่พยายามรักษาความสงบเรียบร้อยในคัมเบอร์แลนด์ ซูยอง (รับบทโดย พัคโบยอง) หญิงสาวผู้สูญเสียครอบครัวไปจากแผ่นดินไหว และ ยองฮี (รับบทโดย คิมซองยอง) หญิงชราผู้ต้องการกลับไปยังบ้านเกิดของเธอให้ได้ และพวกเขาจะเอาชีวิตรอดท่ามกลางแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ของเกาหลีใต้ได้หรือไม่ต้องมาติดตามกัน

บอกเลยว่าฉากแอ็คชั่นและฉากดราม่าใส่มาแบบเข้มข้น โดยเฉพาะฉากแอ็คชั่นในภาพยนตร์เรื่องนี้มีความสมจริงอยู่พอสมควร ตัวละครที่ต้องหนีตายจากอันตรายต่างๆ ที่ตามมาหลังจากเหตุแผ่นดินไหว ไม่ว่าจะเป็นตึกถล่ม แผ่นดินทรุดตัว และอีกมากมาย ซึ่งทำให้ชวนติดตามลุ้นระทึก อีกทั้งฉากดราม่าก็ถือว่าเข้าถึงอารมณ์อย่างดี มีการนำเสนอประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับความเป็นมนุษย์ในสถานการณ์สุดเลวร้าย ความเมตตา ความเห็นอกเห็นใจ และความรักได้แม้ในยามที่เผชิญกับความสิ้นหวัง ส่วนเรื่องงานบทและการแสดงของตัวละครต่างๆ ก็ถือว่าทำออกมาได้อย่างเข้าถึงอารมณ์ โดยเฉพาะ อีบยองฮอน พัคซอจุน และพัคโบยอง ที่เล่นในแต่ละฉากของตัวเองได้เหมือนกับคนที่กำลังอยู่ในวิกฤติหนีตายเอาตัวรอดจริงๆ

โดยรวมถือว่าทำออกมาได้ดีมากๆ สำหรับเรื่อง Concrete Utopia ให้ความรู้สึกเหมือนกับชื่อเรื่องที่ว่า วิมานกลางนรก เพราะมีแค่อพาร์ตเมนต์แห่งเดียวเท่านั้นที่ยังคงรอดอยู่ท่ามกลางตึกที่ถูกถล่มหมดแล้ว แต่สำหรับใครที่อ่อนไหวอาจจะต้องระวังกับฉากรุนแรงนองเลือดที่พอมีให้เห็นบ้าง และบอกไว้ก่อนว่าเนื้อเรื่องกินเวลายาวกว่า 139 นาที หรือเกือบสองชั่วโมงครึ่ง ใครจะรับชมก็เตรียมตัวเตรียมใจนั่งชมยาวๆ กันได้เลย