รีวิว One More Shot (2024)

One More Shot ภาพยนตร์แนวแอ็คชั่น จากผลงานผู้กำกับอย่าง James Nunn นำแสดงโดย Scott Adkins, Tom Berenger, และ Ashley Greene เล่าเรื่องราวของจาค ฮาร์ริส นาวิกโยธินสหรัฐฯ ที่ถูกส่งตัวไปคุ้มกันอามิน แมนซูร์ ผู้ต้องหาก่อการร้ายไปยังวอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อทำการสอบสวน แต่ระหว่างทางพวกเขาถูกโจมตีโดยกลุ่มมือปืนปริศนา จาคและอามินต้องร่วมมือกันเพื่อเอาชีวิตรอดและหาทางกลับไปให้ได้

One More Shot เป็นหนังแอ็คชั่นที่เรียกว่าเปิดศักราชแห่งปี 2024 ได้แบบจัดเต็มจริงๆ ฉากคิวบู๊ต่างๆ ที่ทำออกมาได้แบบตื่นเต้นเร้าใจ เต็มไปด้วยการไล่ล่า การต่อสู้ ฉากระเบิด และอีกเพียบ ฉากต่อสู้ระยะประชิด ฉากยิงปืน ฉากขับรถไล่ล่า ฉากระเบิดตึก ซึ่งก็ล้วนทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม สมจริง และอินถูกใจคอหนังแอ็คชั่นแน่นอน

ที่สำคัญ One More Shot ยังเล่าเรื่องเนื้อหาต่างๆ ได้แบบกระชับ ไม่ยืดเยื้อจนเกินไป ตัวละครในหนังแต่ละตัวก็น่าสนใจ โดยเฉพาะตัวละครของจาค ฮาร์ริส ที่เริ่มต้นจากเป็นคนที่ไม่เชื่อใจใคร แต่ค่อยๆ เปลี่ยนใจมาเชื่อใจอามิน แมนซูร์ ในตอนท้าย แต่สำหรับจุดด้อยของเรื่องนี้คือบทสนทนาบางช่วงดูไม่ค่อยเป็นธรรมชาติสักเท่าไร และตัวละครบางตัวดูไม่ค่อยเมคเซ้นเท่าไรในบางช่วง โดยเฉพาะตัวละครของอามิน แมนซูร์ ซึ่งดูเป็นตัวละครที่ค่อนเรียบๆ ทั้งๆ ที่เป็นตัวละครสำคัญด้วยซ้ำ

สรุปได้เลยว่านี่คือหนังแอ็คชั่นดีๆ อีกหนึ่งเรื่องที่ค่อนข้างจัดเต็มจริงๆ สำหรับคอหนังแอ็คชั่นที่ตั้งตารอชม นอกจากนี้ยังมีการถ่ายทำที่ประเทศโปแลนด์ ใช้เวลาถ่ายทำเพียง 6 สัปดาห์ โดยใช้งบประมาณเพียง 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เท่านั้น ซึ่งถือว่ามีงบประมาณไม่มากนักเมื่อเทียบกับภาพยนตร์แอ็คชั่นเรื่องอื่นๆ แต่หนังเรื่องนี้ก็ทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม สมกับเป็นผลงานการกำกับของ James Nunn ผู้กำกับภาพยนตร์แอ็คชั่นฝีมือดีที่เคยฝากผลงานไว้กับภาพยนตร์เรื่อง The Debt Collector (2018) และ The Debt Collector 2 (2020) กันมาแล้ว

นอกจากนี้ยังได้รับคำวิจารณ์จากนักวิจารณ์ในเชิงบวกที่ส่วนใหญ่ชื่นชมให้กับฉากแอ็คชั่นที่ตื่นเต้นเร้าใจ เนื้อเรื่องชวนติดตาม และการแสดงของ Scott Adkins ซึ่งได้รับคำชมว่าแสดงออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม สมกับเป็นนักแสดงแอ็คชั่นฝีมือดี จนประสบความสำเร็จในเชิงรายได้ โดยทำรายได้ทั่วโลกไปกว่า 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จเกินความคาดหมายสำหรับภาพยนตร์ที่มีงบประมาณเพียง 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เท่านั้น