รีวิว Sound of Freedom (2023)

Sound of Freedom ภาพยนตร์ระทึกขวัญอาชญากรรมจาก Angel Studios ที่กำกับและเขียนบทโดย Alejandro Monteverde นำแสดงโดย Jim Caviezel, Mira Sorvino และ Bill Camp โดยมีเค้าโครงในการสร้างจากเรื่องจริงของ ทิม บัลลาร์ด อดีตเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ ที่ก่อตั้งองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร Operation Underground Railroad (OUR) เพื่อช่วยเหลือเด็กๆ จากการเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ในประเทศโคลอมเบีย หนังดีในต่างประเทศมากจนสามารถสร้างรายได้ในสหรัฐฯ มากกว่า 100 ล้านเหรียญ จากทุนสร้างเพียง 14.5 ล้านเหรียญเท่านั้น เป็นการประสบความสำเร็จอย่างมากแม้จะไม่ได้เข้าโรงหนังไทยให้เราได้รับชมกันก็ตาม

ภาพยนตร์เริ่มต้นด้วยฉากที่ ทิม บัลลาร์ด (แสดงโดย จิม คาวิเซล) กำลังทำงานเป็นเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งเขาได้รับมอบหมายให้สืบสวนคดีค้ามนุษย์เด็กในโคลอมเบีย จากการสืบสวนพบว่ามีเด็กจำนวนมากถูกลักพาตัวจากครอบครัวและถูกบังคับให้ค้าประเวณีหรือทำงานในเหมืองแร่ ทิม บัลลาร์ดรู้สึกสะเทือนใจกับสิ่งที่ได้พบเห็น เขาจึงตัดสินใจลาออกจากงานรัฐบาลและก่อตั้งองค์กร OUR เพื่อช่วยเหลือเด็กๆ ด้วยตัวเอง เรื่องราวถูกดำเนินไปอย่างต่อเนื่องจนเขาและทีมงานในองค์กรต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมายในการช่วยเหลือเด็กๆ จากการเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ ทั้งการเสี่ยงชีวิตและเสี่ยงต่อการถูกจับกุม และต้องปลอมตัวเป็นลูกค้าหรือนายหน้าค้ามนุษย์เพื่อเข้าไปช่วยเหลือเด็กๆ ออกมาให้ได้

ตัวหนังถือว่านำเสนอการตีแผ่ความจริงของการค้ามนุษย์ได้อย่างสมจริง แสดงให้เห็นถึงความโหดร้ายและทารุณกรรมที่เด็กๆ ตกเป็นเหยื่อ แถมแสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญและเสียสละขององค์กรช่วยเหลือที่มีหัวหอกอย่าง ทิม บัลลาร์ด และทีมของเขา ที่อุทิศตนเพื่อช่วยเหลือเด็กๆ จากการเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ เราจะได้เห็นการทำงานที่ลำบากและต้องระมัดระวัง รัดกุมมากๆ ผ่านการแสดงในบทบาทการบุกตรวจค้นและจับกุมผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นฉากแอ็กชันและฉากไล่ล่ามีความตื่นเต้นเร้าใจ และเหมือนจริงมากๆ เหมือนเรากำลังนั่งดูสารคดีที่ถ่ายจากเหตุการณ์จริงอยู่เลยทีเดียว สำหรับใครที่เซ้นซิทีฟต้องเตือนก่อนว่าเรื่องนี้อาจมีฉากรุนแรงจากการทารุณกรรมเด็กและเยาวชนอยู่ด้วย

โดยสรุปแล้ว Sound of Freedom เป็นภาพยนตร์ที่มาตีแผ่ข้อเท็จจริง ถ่ายทอดความจริงของการค้ามนุษย์ได้อย่างสมจริง แต่ในขณะเดียวกันก็ให้เราได้รับชมฉากแอ็คชั่นมันส์ๆ ไปด้วยกัน จนตอนนี้องค์การ OUR ได้ช่วยเหลือเด็กๆ จากการเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ไปแล้วกว่า 10,000 คน แล้วจริงๆ ถือว่าเป็นหนังที่ถ่ายทอดเรื่องจริงให้เราได้ชมกันอีกหนึ่งช่องทาง สนุกและได้สาระดีมากๆ จนได้รับคะแนนจากนักวิจารณ์ 72% จากเว็บไซต์ Rotten Tomatoes และ 6.5/10 จาก IMDb