รีวิว Side By Side (2023) ที่ตรงนั้นยังคิดถึง

Side by Side ที่ตรงนั้นยังคิดถึง ภาพยนตร์แนวดราม่าจากญี่ปุ่นที่เต็มไปด้วยอารมณ์ของห้วงแห่งความคิดถึงใครคนหนึ่ง อีกหนึ่งผลงานสุดประทับใจจากทางผู้กำกับ จิฮิโระ อิโตะ ที่เขาได้เป็นหนึ่งในนีกเขียนบทจากเรื่อง Crying Out Love in the Center of the World (2004) แถมยังได้นักแสดงนำหน้าตาดีอย่าง เคนทาโร่ ซากางุจิ ซึ่งได้เคยฝากผลงานการแสดงเรื่องดังมาแล้วอย่าง The 100th Love With You (2017), The Last 10 Years (2022) และอีกมากมาย ซึ่งครั้งนี้จะมาพร้อมกับ อาสึกะ ไซโตะ นักแสดงที่ดังจากเรื่อง You Are the Apple of My Eye (2018) รวมถึง มิกาโกะ อิจิกาวะ ที่มาจากเรื่อง Shin Godzilla (2016) และนักแสดงเสริมอื่นอีกมากมายที่จะมาทำให้ทุกท่านต้องเศร้าหน่วงแบบซึมๆ ตามกัน

Side by Side ที่ตรงนั้นยังคิดถึง จะเล่าถึงบรรยากาศ ณ เมืองเล็กอันเงียบสงบที่โอบล้อมด้วยธรรมชาติ ที่มีชายผู้หนึ่งอย่าง มิยามะ (แสดงโดย เคนทาโร่ ซากางุจิ) ผู้มีพลังจิตพิเศษในการรับรู้ความคิดถึงอันแรงกล้าของผู้คน ซึ่งก็ได้มาอาศัยอยู่ร่วมกับ ชิโอริ (แสดงโดย มิกาโกะ อิจิกาวะ) และ มิมิ (แสดงโดย อาเมริ อิโซมูระ) สองแม่ลูกสุดใจดี มิยามะได้ใช้ความสามารถของตนเองนั้ยเพื่อช่วยเหลือผู้คนในเมืองมากมาย จนเขาเองเป็นที่รักใคร่ของทุกคน วันหนึ่งก็ได้่รับรู้ความคิดถึงอันแรงกล้าของ คุซากะ (แสดงโดย โคได อาซากะ) รุ่นน้องที่ไม่ได้พบกันมานานแล้ว และเขาจึงตัดสินใจเดินทางไปเยี่ยมเยียน ซึ่งในระหว่างนั้นเองเขาก็ได้พบกับ ริโกะ (แสดงโดย อาสึกะ ไซโตะ) อดีตคนรักของตนอีกครั้ง

ยอมรับเลยว่าแค่รับชมตัวอย่างภาพยนตร์ของเรื่องนี้ก็รู้สึกถึงอิมแพ็คบางอย่างที่โดนใจคนดูแบบเต็มๆ และต้องเป็นหนังแนวดราม่าเรียกน้ำตาได้อย่างไม่ต้องสงสัย โดยมีทั้งงานภาพ ดนตรีซาวด์ประกอบ และการตัดต่อที่ลงตัวสุดๆ ตามสไตล์ของหนังญี่ปุ่นที่ชวนให้ได้อารมณ์เหงาๆ ได้เหมือนเดิมจริงๆ แถมตัวเอกอย่าง มิยามะ ที่เขามีพลังพิเศษและมีปมปริศนาที่รอการไขอยู่ ซึ่งความพิเศษอีกอย่างของเรื่องนี้ก็คือผู้สร้างไม่ได้เน้นให้น้ำหนักกับความโรแมนติกหรือประเด็นดราม่ามากเกินไป แต่จะให้ผู้ชมได้ติดตามเรื่องราวของชีวิตตัวละครหลักอย่าง มิยามะ ในบรรยากาศที่ผ่อนคลายและเรียบง่าย ซึ่งมันดูเพลินมากๆ มาพร้อมกับการแทรกฉากลึกลับที่กระตุ้นให้ผู้ชมอย่างเราได้ค้นหาความจริงสลับกันไปมาด้วย

อย่างในเนื้อเรื่องนั้นจะมีฉากเปิดที่ทำให้เราได้เห็น มิยามะ นั่งอยู่บนรถโดยสารพร้อมชายผมทองปริศนาที่แอบเดินติดตามเขามาอย่างเงียบเชียบ ก่อนจะหายตัวไปอย่างลึกลับ ทิ้งไว้เพียงดนตรีประกอบฉากที่กระตุ้นต่อมความอยากรู้อยากเห็นของผู้ชมอย่างเราว่าชายปริศนาผู้นี้คือใครกันแน่ และเกี่ยวข้องกับมิยามะอย่างไร นอกจากนี้แล้วหนังยังให้เราได้เสพฉากบรรยากาศสบายๆ พาไปสัมผัสกับความงามของธรรมชาติ ผ่านการเดินป่า ฟังเสียงแมลง สายน้ำ สายลม และเฝ้าดูพระอาทิตย์ตกดิน ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องที่ถือว่าใช้ดนตรีประกอบน้อยที่สุด แต่ดันกลับสร้างบรรยากาศผ่อนคลายราวกับว่าเราได้พักผ่อนกายใจไปพร้อมกับตัวละครระหว่างการรับชมจริงๆ อย่างนั้นเลย

ในขณะที่ตัวโครงเรื่องเองนั้นก็นำเสนอเรื่องราวที่เรียบง่าย และชวนให้เราอยากรู้จักตัวละครมากขึ้น โดยหนังเรื่องนี้ยังมีการแฝงประเด็นสำคัญที่กระตุ้นให้เราร่วมคิดและค้นหาคำตอบโดยผ่านมุมมองของ ความคิดถึง ที่ไม่จำกัดอยู่เพียงความรักของหนุ่มสาวเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความคิดถึงของผู้ที่เราเองนั้นไม่ได้พบเจอกันมานาน ความคิดถึงต่อคนที่จากไป และความคิดถึงของคนที่อาจกำลังเฝ้าคิดถึงเราอยู่ เพราะเมื่อมองจากมุมของเราเอง เราก็คงมีช่วงเวลาที่คิดถึงใครบางคน แต่บางครั้งเราก็อาจลืมไปว่า ณ ขณะนี้ก็อาจมีใครบางคนที่คิดถึงและเฝ้ารอคอยที่จะได้พบเราอีกครั้งอยู่ที่ไหนสักแห่งเช่นกัน

สรุปโดยรวมไว้แล้วกันว่า Side By Side ที่ตรงนั้นยังคิดถึง เป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ดราม่าญี่ปุ่นที่นำพาผู้ชมเดินทางไปกับตัวละครได้อย่างสบายๆ  โดยไม่ได้พยายามเค้นด้วยฉากดราม่าเรียกน้ำตาแต่อย่างใด แต่กลับให้ผู้ชมดื่มด่ำกับความงามของธรรมชาติผ่าน งานภาพที่สวยงดงามสุดๆ ขณะเดียวกันก็กระตุ้นให้ตั้งคำถามและค้นหาความหมายที่แฝงอยู่ภายในเรื่องราว ซึ่งถึงแม้ผู้ชมธรรมดาๆ อย่างเราๆ จะไม่เข้าใจทุกแง่มุมของภาพยนตร์ขนาดนั้นก็จริง แต่เพียงแค่การได้นั่งชมและรับฟังเสียงธรรมชาติที่ถ่ายทอดออกมาจากเรื่องแค่นี้ก็ถือว่าเพียงพอที่จะผ่อนคลายทั้งกายและใจไปพร้อมกับตัวละครได้แล้ว